ภาพกิจกรรม
จำนวนภาพกิจกรรม ทั้งหมด 262 รายการ
งานประเพณีลากพระและแข่งขันเรือยาว วันออกพรรษา เทศบาลตำบลปากน้ำฉวาง ณ ลุ่มน้ำตาปี ตำบลฉวาง อำเภอฉวาง จังหวัดนครศรีธรรมรช #เที่ยวท้องถิ่น #ของดีบ้านเรา #จังหวัดนครศรีธรรมราช #อำเภอฉวาง #เทศบาลตำบลปากน้ำฉวาง  การอนุรักษ์วัฒนธรรมประเพณีท้องถิ่นและการส่งเสริมกิจกรรมภูมิปัญญาท้องถิ่น เป็นภารกิจอย่างหขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ต้องร่วมมือกับองค์กรต่างๆ เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนในท้องถิ่นมีความตระหน่และเห็นคุณค่าของวัฒนธรรมประเพณีท้องถิ่นอันเป็นวิถีชีวิตที่ดำเนินมาช้านาน ประเพณีลากพระและแข่งขันเรือยาววันออกพรรษาของอำเภอฉวาง เป็นประเพณีที่ได้สืบสานและจัดง ติดต่อกันมานานนับร้อยกว่าปีแล้ว เป็นมรดกวัฒนธรรมทางสายน้ำ ถือเป็นการทำบุญสร้างกุศลครั้งสำคัญวันหรัเพราะตรงกับวันออกพรรษา ซึ่งชาวบ้านจะนำอาหารคาวหวานมาถวายพระตามขนบธรรมเนียมประเพณีมาแต่โบราเพื่อสร้างความรัก ความสามัคคี ความมีน้ำใจนักกีฬาระหว่างท้องถิ่นและชุมชน และเป็นการอนุรักษ์ประเพณีวัฒนธร อันดีงามของท้องถิ่นไว้สืบไป เพื่อเป็นการสืบสานประเพณีวัฒนธรรมของอำเภอฉวาง ให้บรรลุวัตถุประสงค์ เทศบาลตำบลปากน้ำฉว จึงได้สืบทอดมรดกวัฒนธรรมทางสายน้ำ โดยจัดงานประเพณีลากพระและแข่งขันเรือยาววันออกพรรษาขึ้น เพื่อเการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ประเพณีวัฒนธรรมท้องถิ่น ซึ่งเป็นประเพณีเด่นของอำเภอฉวาง จังหวัดนครศรีธรรมรให้เป็นแหล่งเรียนรู้วิถีชุมชนแก่คนรุ่นหลังต่อไป ประวัติความเป็นมา   พ่อเฒ่าในบัว วัดวังม่วงกับงานลากพระทางน้ำและแข่งขันเรือยาววันออกพรรษา ตำบลฉวาง อำเภอฉวาง จังหวัดนครศรีธรรมราช พ่อเฒ่าในบัว เดิมชื่อนายจันทร์ ไม่ทราบนามสกุล เกิดปี พ.ศ. ๒๓๕๘ เป็นเพื่อนรักกับนายมาก ธราพร ซึ่งเกิด ปี พ.ศ. ๒๓๕๗ ซึ่งเป็นชาวบ้านวังม่วง ตั้งบ้านเรือนอยู่ริมแม่น้ำตาปี ในสมัยที่ตาจันทร์กับตามากเป็นเด็ก สำนักสงฆ์ที่ชาวบ้านร่วมกันตั้งขึ้นประมาณ พ.ศ. ๒๓๓๐เพื่อใช้เป็นสถานที่ทำบุญและเผาศพ อยู่ ณ บ้านทุ่งพลี (ฝั่งตะวันตกของแม่น้ำตาปีในปัจจุบัน) ต่อมาแม่น้ำตาปีได้เปลี่ยนทางเดินมาทางตะวันออกสำนักสงฆ์จึงต้องอยู่อีกฟากคลอง ชาวบ้านจึง้ายสำนักสงฆ์มาอยู่ฝั่งตะวันออกของแม่น้ำเหมือนเดิม ซึ่งปัจจุบันเป็นที่ตั้งเมรุและต่อมาประมาณ พ.ศ. ๒๓๗๕ แม่น้ำเปลี่ยนทางเดินมาทางตะวันออกอีก ชาวบ้านจึงย้ายสำนักสงฆ์ซึ่งเติบโตจนเป็นวัดแล้วมาตั้ง ณ สถานที่ปัจจุบัน คือวัดวังม่วง ตำบลฉวาง อำเภอฉวาง จังหวัดนครศรีธรรมราช เรียกว่า "วัดใน" ส่วนที่ตั้งเดิม เรียกว่า "วัดนอก" ในปี พ.ศ. ๒๓๗๗ นายจันทร์ ได้บวชเป็นพระภิกษุ เป็นหัวหน้าสำนักสงฆ์และได้พัฒนาปรับปรุงพื้นที่สร้างกุฏิ สร้างสิ่งจำเป็นและสร้าง "ศาลาน้ำ" ริมแม่น้ำตาปี เรียกว่า "อุทกสีมา" ใช้แทนพระอุโบสถ ในปี พ.ศ. ๒๔๐ พระจันทร์จึงได้ฉายาว่า "สมภารจันทร์" เป็นเจ้าอาวาสรูปที่ ของวัดวังม่วง สมภารจันทร์ เป็นเจ้าอาวาสสร้างวัดวังม่วงจนถึง พ.ศ. ๒๔๓๔ ก็มรณภาพ นับเวลาเป็นเจ้าอาวาส๓๔ ปีพ่อท่านจันทร์หรือสมภารจันทร์หรือที่ชาวบ้านเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า "พ่อเฒ่าในบัว" ซึ่งเป็นพระที่มีจริยธรรมงดงาม มีความรู้ความเข้าใจในเรื่องการแพทย์แผนโบราณ เป็นหมอทางเวชศาสตร์พื้นบ้านเป็นที่ยอมรับนับถือของชาวบ้านอย่างกว้างขวาง เป็นพระผู้มีจริยวัตรของสงฆ์ที่น่าศรัทธาอย่างยิ่ง เป็นพระที่รอบรู้ทางไสยเวทย์ ไสยกรรมและเวทมนต์คาถา จนมีประชาชนให้ความเคารพนับถือกันมาก และต่อมากลายเป็น "เกจิอาจารย์ที่ศักดิ์สิทธิ์มาก" ทั้งในท้องถิ่นและต่างท้องถิ่น ในปี พ.ศ. ๒๒๔ สมภารจันทร์ได้ประชุมชาวบ้านใกล้ไกลหารือว่าในวันออกพรรษา แรม • ค่ำ เดือน ๑๑ น่าจะมีงานออกพรรษให้เป็นประเพณีสืบไป โดยจัดให้มีพิธีลากพระทางน้ำและให้นำเรือไปแข่งขันกัน สมัยนั้นเป็นแค่เรือพื้นบ้านซึ่งได้รับความเห็นชอบอย่างกว้างขวาและนัดหมายกันนำเรือยาวน้อยใหญ่ล่องแม่น้ำตาปีลงไปชุมนุมกันที่บ้านปากน้ำ หลังถวายภัตตาหารเพลแล้วจึงให้มีการแข่งขันเรือพื้นบ้าน กันตามขนาดของเรือ และปีต่อๆ มาก็ดำเนินการจัดขบวนแห่เรือพระและแข่งขันเรือยาวที่บ้านปากน้ำจนเป็นที่นิยมและเป็นที่มของงานประเพณีลากพระทางน้ำ และแข่งเรือยาวมาจนถึงทุกวันนี้ เมื่อสมภารจันทร์ มรณภาพแล้ว พระพั้ว เจ้าอาวาสวัดวังม่วงรูปต่อมาให้ช่างแกะสลักรูปเหมือนพ่อท่านจันทร์ไว้ให้พุทธศาสนิกชาได้กราบไหว้บูชามาจนถึงปัจจุบันนี้ เนื่องจากการเก็บรักษา "รูปพ่อท่านจันทร์" ในสถูปหรือที่ชาวบ้านเรียกว่าบัว จนเรียกกันว่า "พ่อเฒ่าในบัวแทนคำเดิมว่าพ่อท่านจันทร์ในบัวหรือ "พ่อเฒ่าจันทร์ในบัว" ลังจากสมการจันทร์มรณภาพ เจ้าอาวาสวัดวังม่วงรูปต่อๆ มาจะเป็นแกนนำในการแห่เรือพนมพระและแข่งขั้นเรือยาว เพื่อให้วัดต่างๆ ที่อยู่บนฝั่งแม่น้ำตาปิได้เข้าร่วมด้วย โดยเชิญชวนวัดที่อยู่ทางฝั่งเหนือของบ้านปากน้ำ ได้แก่ วัดวังสะพาน วัดหาดสูง วัดศิลา วัดสามัคคีนกูล วัดเพ็ญมิตร วัดควนสูง รวมทั้งวัดวังม่วงด้วย ส่วนวัดที่อยู่ทางใต้ของบ้านปากน้ำ ได้แก่ วัดควนมะปริง วัดใหม่ อำเภอทุ่งใหญ่ วัดมะเพือง จึงเป็นที่มาของคำว่าแข่งขันระหว่างเรือเหนือกับเรือใต้ ในปี พ.ศ. ๒๔๔๒ ทางอำเภอฉวางได้รับเข้าไว้ให้เป็นงานประเพณีของอำเภอ ได้สนับสนุนให้วัดต่างๆ สร้างเรือยาวเข้าร่วมแข่งขัน แทนเรือเดิมซึ่งเป็นเรือยาวพื้นบ้าน ซึ่งมีทั้งรุ่นจิ๋ว ฝีพาย๗ -๑๐ ฝีพาย เรือรุ่นกลาง ฝีพาย ๑๖ - ๒๒ ฝีพาย เรือรุ่นใหญ่ ฝิพายตั้งแต่ 0 -๕๐ ฝิพาย เรือรุ่นจิ๋วปัจจุบันชำรุดเสียหายหมดแล้ว ส่วนเรือรุ่นกลางที่ยังเหลืออยู่อายุเรือร้อยกว่าปี ได้แก่ เรือนางข้างของวัดวังม่วงเรือนางพิมของวัดปากน้ำ เรือส้มเกลี้ยงของวัดควนมะปริงชำรุดรอการซ่อมใหม่ ซึ่งเรือเหล่านี้ไม่ทราบช่างและปี พ.ศ. ที่สร้างเรือ ส่วนเรือรุ่นใหญ่ ฝีพาย๔๐ -๕๐ ฝีพาย ซึ่งชำรุดเสียหายใช้การไม่ได้แล้ว ได้แก่ เรือยูงทอง เรือชมพู เรือส้มแป้น เรือสายไหม เรือนางช้าง เรือนางพิม เรือส้มเกลี้ยง เรือผุดวารี เรือสร้อยฟ้า พลายชูบัวทอง เรือสายฟ้า เรือศรีประสาท เรือหนูวิน เรือสายวาริน เรือสามารถ เรือสายพายุ ส่วนเรือยาวใหญ่รุ่นที่ ๒ ขณะนั้นยังใช้การได้อยู่แต่ได้ขายไปให้ทางจังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้แก่ เรือสายสมุทรของวัดหาดสูงเรือสินธุ์สมุทรและเรือสุดวารีของวัดควนสูง           เนื่องจากในปี พ.ศ. ๒๕๐๙ - ๒๕๒๓ ทางอำเภอฉวางไม่สามารถจัดงานได้ แต่จะอย่างไรก็ตาม ชาวบ้านบ้านปากน้ำฉวางยังรักและหวงแหนประเพณีนี้ พระครูภัทรธรรมาภรณ์ (หลวงพ่อเกษม) เจ้าคณะอำเภอฉวาง จึงจัดแข่งขันเรือยาวเล็กซึ่งเป็นเรือพื้นบ้านติดต่อกันมาจนถึงปี พ.ศ. ๒๕๒๓ ต่อมาทางอำเภอฉวางได้ฟื้นฟูประเพณีให้เหมือนในอดีตที่ผ่านมา โดยมอบให้อำเภอฉวางดำเนินการ และเมื่อมีการ จัดตั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น อำเภอฉวางจึงมอบให้องค์การบริหารส่วนตำบลฉวางดำเนินการจัดงานเป็นครั้งแรก เมื่อ พ.ศ. ๒๕๔๔ ซึ่งนายไกรสร ตำแจ่ม เป็นประธานกรรมการบริหารองค์การบริหารส่วนตำบลฉวาง ในขณะนั้น โดยมีนายสง่าชัย หนูเนียม ดำรงตำแหน่งปลัดองค์การบริหารส่วนตำบลฉวาง ได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่องค์การบริหารส่วนตำบลฉวาง พระครูอรรคธรรมโกวิท เจ้าอาวาสวัดวังม่วงเจ้าคณะอำเภอฉวาง พระครูสุธรรมประสาธน์ เจ้าอาวาสวัดเพ็ญมิตร จัดงานประเพณีลากพระและแข่งขันเรือยาวขึ้น โดยทางวัดและชาวบ้านได้สร้างเรือรุ่นใหม่ขึ้นมาแทนครบทุกรุ่น รวมแล้วประมาณ๓๐ ลำ เพื่อให้งานประเพณียิ่งใหญ่เหมือนในอดีตสร้างความภาคภูมิใจให้ชาวฉวางและประชาชนเป็นอย่างยิ่ง          ปี พ.ศ. ๒๕๔๕-๒๕๔๗ ตรงกับแรม ๑ ค่ำเดือน ๑๑ ของทุกปี องค์การบริหารส่วนตำบลฉวางโดยนายไกรสร ดำแจ่ม ประธานกรรมการองค์การบริหารส่วนตำบลฉวาง โดยมีนายสง่าชัย หนูเนียม ดำรงตำแหน่งปลัดองค์การบริหารส่วนตำบลฉวาง ได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่องค์การบริหารส่วนตำบลฉวาง พระครูอรรคธรรมโกวิท เจ้าคณะอำเภอฉวาง (ฝ่ายธรรมยุต) พระครูสุธรรมประสาธน์ เจ้าอาวาสวัดเพ็ญมิตรได้จัดงานประเพณีลากพระและแข่งขันเรือยาว ยังคงไว้ซึ่งมีวัตถุประสงค์เดิม                     ปี พ.ศ. ๒๕๔๘ -๒๕๕ ตรงกับ ๑ ค่ำ เดือน ๑๑ ของทุกปี องค์การบริหารส่วนจังหวัดนครศรีธรรมราช นายวิฑูรย์ เดชเดโช ซึ่งดำรงตำแหน่ง นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครศรีธรรมราช องค์การบริหารส่วนตำบลฉวาง โดยนายสมชาย ลิ่มพันธ์ ดำรงตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนตำบลฉวาง พร้อมด้วยคณะบริหารฯ นายสำคัญ ชิราพร นายประสิทธิ์ ชลวิจิตร รองนายกองค์การบริหารส่วนตำบลฉวางโดยมีนายสง่าชัย หนูเนียม ดำรงตำแหน่งปลัดองค์การบริหารส่วนตำบลฉวาง ได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่องค์การบริหารส่วนตำบลฉวางพระครูอรรคธรรมโกวิท เจ้าคณะอำเภอฉวาง (ฝ่ายธรรมยุต) ได้จัดงานประเพณีลากพระและแข่งขันเรือยาว ยังคงไว้ซึ่งมีวัตถุประสงค์เดิมเพื่อฟื้นฟูและรักษาประเพณีอันดีงามของท้องถิ่นให้คงอยู่สืบไป อีกทั้งเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวของอำเภอฉวางและสืบสานอนุรักษ์ประเพณีและวัฒนธรรมท้องถิ่นให้อยู่คู่กับลุ่มแม่น้ำตาปีตลอดไป                     ปีพ.ศ. ๒๕๕๒ -๒๕๕๓ ตรงกับ ๑ ค่ำ เดือน ๑๑ ของทุกปี องค์การบริหารส่วนตำบลฉวาง นำโดย นายบุญธรรม รุ่งเรืองนายกองค์การบริหารส่วนตำบลฉวางพร้อมคณะบริหาร นายธราพงษ์ โสมล นายธวัช รำเพย รองนายกองค์การบริหารส่วนตำบลฉวางโดยมีนายสง่าชัย หนูเนียม ดำรงตำแหน่งปลัดองค์การบริหารส่วนตำบลฉวาง ได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่องค์การบริหารส่วนตำบลฉวางพระครูอรรคธรรมโกวิท เจ้าคณะอำเภอฉวาง (ฝ่ายธรรมยุต) ได้จัดงานประเพณีลากพระและแข่งขันเรือยาว ยังคงไว้ซึ่งมีวัตถุประสงค์เดิม   ประเพณีลากพระของชาวภาคใต้มีอยู่ 2 ประการ คือ 1.ลากพระทางบก 2.ลากพระทางน้ำ   พิธีกรรม 1.การแต่งนมพระ 2.อัญเชิญพระลากขึ้นประดิษฐานบนนมพระ 3.การลากพระ
21 มีนาคม 2568
ไปที่หน้า